ซี่โครงหมูสามรส

ซี่โครงหมูสามรส เมนูอาหารไทยแสนอร่อย สำหรับคนชอบทานซี่โครงหมู ซี่โครงหมูทอดสามรส ถือว่าเป็นเมนูอาหารจานเด็ดของร้านอาหราหลายร้าน เมนูนี้จะทานเป็นกับข้าว พร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือจะทานกับแกล้มก็ได้ ทานง่าย ด้วยตัวรสชาติของซี่โครงมีความเค็ม หวาน มัน เรียกได้ว่าครบรสชาติจริงๆ รวมไปถึงการเลือกซี่โครงหมูที่สดใหม่ และติดมันหน่อยๆ พร้อมกับการหมักสูตรพิเศษ จะทำให้อร่อยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

สิ่งที่ต้องเตรียม

• ซี่โครงหมู เลือกขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้ว 1 แถว
• เกลือป่น 1 ช้อนชา สำหรับหมักหมู
• พริกไทยป่น 1 ช้อนชา สำหรับหมักหมู
• แป้งสาลี 2 ช้อนโต้ะ สำหรับหมักหมู
• ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ สำหรับหมักหมู
• กระเทียมบด 3 ช้อนโต้ะ
• น้ำสับปะรด 3 ช้อนโต้ะ
• น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต้ะ
• น้ำส้มสายชู  2 ช้อนโต้ะ
• ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
• สับปะรดหั่นชิ้น 5 ช้อนโต้ะ
• พริกหั่นเป็นฝอย 2 ช้อนโต้ะ
• ผักสด เช่น แครอท บ๊อคโลรี่ กะหล่ำปลี เป็นต้น
• น้ำมันพืช 2 ถ้วย

ขั้นตอนการทำ

• เริ่มจากการหมักซี่โครงหมูก่อน หั่นซี่โครงหมูเป็นท่อนๆ ขนาดพอดีคำ หมักด้วย เกลือป่น พริกไทยป่น ซอสปรุงรส และ แป้งสาลี นวดให้ส่วนผสมเข้ากับกระดูกซี่โครงหมู และ หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
• ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อนจากนั้นใส่กระเทียมบดลงไปผัด ให้กระเทียมหอม เหลือง จากนั้นใส่ซี่โครงหมูลงไปผัด ผัดให้ซี่โครงหมูสุก
• จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำสับปะรด น้ำตาลปี๊บ น้ำส้มสายชู และ ซีอิ๊วขาว ผัดให้ส่วนผสมละลายเป็นเนื้อเดยวกัน ผัดไปเรื่อยๆจนซอสเริ่มแห้งก็ปิดไฟ เสริฟใส่จาน และแต่งหน้าจานให้สวยงามด้วย ผักสด สับปะรด และ พริกหั่นฝอย

เคล็ดลับความอร่อย

• ซี่โครงหมู ให้เลือกใช้ส่วนซี่โครงกระดูกหมูอ่อน ให้เลือกซื้อกระดูกซี่โครงที่สด ใหม่ จะได้เนื้อหมูที่อร่อย
• การหมักหมูให้หมักให้นานประมาณสัก 3 ชั่วโมง ให้เนื้อหมูเข้าเนื้อ
• ก่อนผัดกระดูกซี่โครง ให้ใส่กระเทียมลงไปผัดก่อน ความหอมของกระเทียมจะออกมากับน้ำมันทำให้ซี่โครงหมูมีความหอมของกระเทียม
• สับประรด ให้เลือกใช้สับปะรดศรีราชา จะได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว
• น้ำตาล ให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลปี๊บจะให้รสชาติที่กลมกล่อม

ติดต่าต่อได้ที่ ดูหนังฟรี

วิธีทำแกงคั่วหัวตาลกุ้งสด พร้อมทาน

แกงคั่วหัวตาลกุ้งสด พร้อมทาน เมนูแกงไทยโบราณขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี เป็นอีกเมนูแกงที่หลายคนนิยมรับประมาน ซึ่งในปัจจุบันหารับประทานได้ยาก โดยหากเป็นพื้นบ้านจะนิยมใส่เนื้อหมูย่าง แต่เมนูในวันนี้ใส่เป็นกุ้งสด เพื่อเอาใจคนชอบกุ้ง เมนูแกงนี้ยังเป็นเมนูที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด รับประมานร่วมกับข้าวสวยร้อนๆ แสนอร่อย

สิ่งที่ต้องเตรียม

• ผักบุ้งไทย(เลือกเฉพาะอ่อนๆ) 500 กรัม
• หมูสามชั้น 300 กรัม
• ลูกมะกรูด 2 ลูก
• ใบมะกรูด 6 ใบ
• พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
• หัวกะทิ 500 ml.
• หางกะทิ 300 ml.
• พริกแกงเผ็ด 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะขามเปียก 3 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

• ตะไคร้ พริกแห้ง กระเทียม กระชาย ข่าอ่อน ผิวมะกรูด และเกลือมาตำให้ละเอียด จากนั้นใส่กะปิ และปลาทูนึ่งลงไปตำให้เข้ากัน ตักขึ้นเตรียมไว้
• ต้มน้ำให้เดือดใส่เกลือ และหัวตาลอ่อนลงไปลวกในน้ำเดือดประมาณ 10 นาทีแล้วนำไปล้างน้ำสะอาด ทำแบบนี้ประมาณ 3 รอบ หรือจนกระทั่งหัวตาลอ่อนหมดรสขม ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
• ต้มกะทิให้เดือดเล็กน้อย ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปคนให้เข้ากัน ต้มจนกะทิแตกมันเล็กน้อย ถ้ากะทิข้นเกินไปให้เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย
• เมื่อกะทิเดือดให้ใส่หัวตาลอ่อนลงไปแล้วคนให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้งค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยกุ้งสด รอจนเดือดอีกครั้งปิดไฟ เตรียมจัดเสิร์ฟ
• ต้มกะทิให้เดือดเล็กน้อย ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปคนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ จากนั้นใส่กุ้งสดลงไป
• ตัก “แกงคั่วหัวตาลกุ้งสด” ใส่ชาม ตกแต่งด้วยใบมะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้า เพียงเท่านี้ “แกงคั่วหัวตาลกุ้งสด” ของเราก็พร้อมรับประทาน

ติดต่าต่อได้ที่ ดูหนังฟรีออนไลน์

วิธีทำแกงสับนก

แกงสับนก เมนูแกงไทยโบราณ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หารับประทานยากมากๆ ในสมัยนี้ ซึ่งตำรับเดิมจะใช้เนื้อปลากราย จากนั้นยีให้กระจายกับเครื่องแกงและกะทิ สูตรนี้นำปลากรายมาปั่นเป็นก้อนพอดีคำ เคล็ดลับอีกอย่างคือ ควรต้มเนื้อปลากรายด้วยหางกะทิให้สุกก่อน จะไม่มีกลิ่นคาวปลา จับเนื้อปลากุเลาและปลาอื่นๆ นวดจนเหนียวแล้วปั้นเป็นก้อนขนาดตามชอบ นำไปใส่หม้อแกงกะทิ ใส่เครื่องสมุนไพรไทยและใบโหระพา

สิ่งที่ต้องเตรียม

• เนื้อปลากุเลาและปลาอื่น ๆ สับละเอียด
• น้ำแข็ง
• หัวกะทิ
• เกลือ
• น้ำพริกแกง
• น้ำปลา
• น้ำตาลปี๊บ
• มะเขือพวง
• กระชาย
• พริกสด
• ใบมะกรูด
• ใบโหระพา

ขั้นตอนการทำ

1. นำปลาเล็กปลาน้อยพร้อมปลากุเลามาแล่เนื้อแล่หนังออก แล้วสับจนก้างราวท้องละเอียด นำลงไปโขลกในครกหิน ใส่น้ำแข็งลงไปเล็กน้อย ตามด้วยเกลือ จากนั้นโขลกเนื้อปลาจนเป็นเนื้อเดียวกัน จนเนื้อปลาเหนียวยกสากขึ้นได้ยาก
2. การใส่น้ำแข็งลงในเนื้อปลาเพื่อให้เนื้อปลาคลายความกระด้างลง ถ้าเป็นเนื้อปลาล้วน ๆ จะกระด้าง กินแล้วสาก ๆ ไม่นุ่ม จึงต้องใส่น้ำแข็งลงไป น้ำแข็งละลายเป็นน้ำเพิ่มความชื้นให้เนื้อปลานุ่มขึ้น และใส่เกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ
3. ถ้าโขลกแล้วเนื้อปลายังไม่เหนียวให้โขลกต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าจืดก็ปรับเพิ่มเกลือ ถ้ามีเครื่องปั่นจะช่วยให้ขั้นตอนการโขลกเนื้อปลารวดเร็วขึ้น
4. ทำพริกแกง โดยปั่นหัวกระชาย พริกไทยดำ และผิวมะกรูด และหางกะทิ รอไว้
5. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน หัวกะทิน้ำแรกตักขึ้นจากกระทะ เคี่ยวไฟอ่อนจนแตกมันแล้วค่อย ๆ เติมหัวกะทิที่เหลือเคี่ยวต่อ
6. เมื่อแตกมันได้ที่ สังเกตริมกระทะจะมันเยิ้ม ค่อย ๆ ใส่พริกแกงลงไปแล้วเคี่ยวให้หอม ประมาณ 15-20 นาที พริกแกงถึงจะสุกและส่งกลิ่นหอม
7. ปั้นเนื้อปลาเป็นก้อนแล้วใส่ลงในเครื่องแกงกะทิ ชิมรสสัมผัสของเนื้อปลา เมื่อได้ที่ก็ปั้นใส่ลงในกระทะ เติมน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บ ใส่มะเขือพวง กระชาย พริก ใบมะกรูด และโหระพา พร้อมเสริฟ

ติดต่าต่อได้ที่ ดูหนังฟรีออนไลน์